
ระบบบริหารคุณภาพสำหรับ Feed Additive และPreMixture
FAMI-QS คือมาตรฐานอะไร
FAMI-QS (Feed Additive and PreMixture Quality Systems) คือระบบบริหารคุณภาพและความปลอดภัย สำหรับผู้ผลิตวัตถุดิบผสมในอาหารสัตว์ เริ่มใช้เมื่อปี พ.ศ. 2547 กำหนดขึ้นโดยผู้ผลิตวัตถุดิบสำหรับอาหารสัตว์ในสหภาพยุโรป หรือ FEFNAN (the European Association of Feed Additive Manufacture) เพื่อควบคุมสุขอนามัยและความปลอดภัยในการผลิตวัตถุดิบแต่งเติมในอาหารสัตว์ ผู้ประกอบการที่ต้องการทำมาตรฐาน FAMI-QS ต้องเป็นผู้ผลิตวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ (Feed Additive) โภชนะบำบัด (Functional Feed) สารผสมล่วงหน้า (PreMixture) และสารที่ใช้เพื่อการผลิตสารข้างต้นเท่านั้น ข้อกำหนดของมาตรฐาน FAMI-QS ได้พัฒนามาจากข้อกำหนดในมาตรฐาน GMP, HACCP, ISO 9001: 2008, ISO 14001, OHSAS 18001, SA 8000, ISO 22005 และ ISO 22000 ซึ่งเนื้อหาได้ครอบคลุมในเรื่อง ระบบบริหารจัดการ ความรับผิดชอบของผู้บริหาร การจัดการด้านทรัพยากร การควบคุมทรัพยากร การตรวจสอบระบบ เช่น Internal Audit และการควบคุมการที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์
กุญแจสำคัญสำหรับการจัดทำระบบมาตรฐาน FAMI-QS
กำหนดนิยามและขอบเขตของมาตรฐาน
ตรวจ Pre-Audit ได้แก่ การวิเคราะห์และวินิจฉัยข้อบกพร่องขององค์กรที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
เริ่มต้นการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานของระบบการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารสัตว์
การตรวจสอบต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
มีการตรวจติดตามระบบอย่างต่อเนื่อง และทำการทวนสอบทั้งระบบเพื่อขอใบรับรองมาตรฐานใหม่ทุกๆ 3 ปี
หน่วยงานผู้ให้การรับรองมาตรฐาน FAMI-QS
การได้รับใบรับรองมาตรฐาน FAMI-QS รวมถึงการต่ออายุใบรับรองทุกๆ 3 ปีนั้น ต้องผ่านการดำเนินการตรวจสอบต่างๆ ว่าการปฏิบัติงานเป็นไปตามมาตรฐาน FAMI-QS และ Regulation (EC) 183/2008 ที่ได้กำหนดไว้ และเพื่อให้ FAMI-QS สามารถเป็นเครื่องมือในการควบคุมความปลอดภัยสำหรับอาหารสัตว์ได้อย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องผ่านการพิจารณาและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาติ หน่วยงานที่สามารถให้การรับรองมาตรฐาน FAMI-QS ได้แก่
ประโยชน์ของการได้รับการรับรองมาตรฐาน FAMI-QS
ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดยุโรป และตลาดสากลได้มากขึ้น
ช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของอาหารตลอดห่วงโซ่อาหารสัตว์
เพิ่มความมั่นใจให้ของลูกค้าด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารสัตว์
ช่วยให้พนักงานและผู้ประกอบการได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป
หลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบซ้ำซ้อน ซึ่งเป็นการเสียเวลา และค่าใช้จ่าย
เพิ่มโอกาสทางการค้ามากขึ้น